ไฟเขียว! ตั้ง คกก. ขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet
ที่ประชุมครม. (3 ต.ค. 66) เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อทำหน้าที่พิจารณารายละเอียดโครงการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งกรอบวงเงินโครงการ รายละเอียดที่มาของแหล่งเงิน งบประมาณ หลักเกณฑ์ เงื่อนไขต่าง ๆ

ซึ่งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และมีรองประธาน 4 คน คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ /นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ /นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
นอกจากนี้ ยังมี รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง อีก 2 คนเป็นคณะกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง และปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้วย
นายกฯ มุ่งมั่น “ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ประเทศ” ควบคู่รักษาสมดุลเงินการคลัง
วานนี้ (3 ต.ค. 66) เวลา 13.40 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กค. เป็นประธานในงาน Bangkok Post Forum 2023 และกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Thailand: The Era of Change”

งาน Bangkok Post Forum 2023 ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนแนวความคิด สร้างเครือข่าย และสร้างพันธมิตรใหม่
โดยนายกฯ ให้ความสําคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับสื่อมวลชนมาโดยตลอด การรายงานข่าวที่ถูกต้อง และโปร่งใสจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนธุรกิจและนักท่องเที่ยวได้
สำหรับด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลเตรียมออกนโยบาย เพื่อกระตุ้นการสร้างงาน พร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ครอบครัวที่มีรายได้น้อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ มีเป้าหมาย “ลดความยากจนในคนทุกช่วงวัย” ภายในปี ค.ศ. 2027
ธ.ก.ส. เปิดระบบแจ้งประสงค์ “พักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อย” ผ่านแอปฯ BAAC Mobile
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยว่าตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรและบุคคลที่มีสถานะ “เป็นหนี้ปกติ-หนี้ค้างชำระ” ที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ 30 ก.ย. 66 ไม่เกิน 300,000 บาท นั้น

ปัจจุบัน ธ.ก.ส. ได้เปิดระบบ “แจ้งความประสงค์” และ “ตรวจสอบสิทธิ์” ผ่านแอปฯ BAAC Mobile ให้กับลูกค้ารายย่อยแล้ว
โดยขั้นตอนการแจ้งความประสงค์:
- “กรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน” ของผู้แสดงความประสงค์ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้
- ระบบประมวลข้อมูลตรวจสอบคุณสมบัติ
- นัดหมาย “ผู้ผ่านเกณฑ์และผู้ค้ำประกัน” ไปที่สาขาหรือจุดบริการที่นัดหมาย
- จัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้ารับการประเมินศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้
นากจากนี้ ยังมีมาตรการ “เสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะ” ในการประกอบอาชีพภายใต้แนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ใหม่” รวมถึงการเตรียม “ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ” ที่เหมาะสมในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับจัดหาปัจจัยการผลิตอีกด้วย
ย้ำ! ผู้ประสงค์เข้าร่วมมาตรการฯ สามารถดาวน์โหลดและสมัครใช้งานแอปฯ BAAC Mobile ได้บนระบบ IOS และ Android ผ่านทาง App store และ Play store เท่านั้น
ทั้งนี้ การแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ต้องเป็นไปตาม “ความสมัครใจของลูกหนี้” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 หรือ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
นายกฯ หนุนความรู้ Soft Power อาหาร ดันไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาล
วันที่ 2 ต.ค. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว. กค. รับฟังการนำเสนอ Thailand Soft Power Halal & Future Food จากนายบุญเลิศ อ่องไพบูลย์ รองประธานคณะกรรมการธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต (PFC) สภาหอการค้าไทย

นายกฯ ฝากให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนและมองเห็นโอกาส “สินค้าฮาลาล ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้บริโภคจำนวนมาก และกลุ่ม Future Food ที่เติบโตต่อเนื่อง รัฐบาลอยากใช้อุตสาหกรรมอาหารมาเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ สร้างองค์ความรู้ด้านอาหารให้ไทยเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้าง Start up ที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลที่หลายประเทศต้องการ”
ปี 67 รัฐพร้อมขยายตลาด “แรงงานไทย” สู่ประเทศใหม่ๆ กว่าแสนอัตรา
กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน เผยภายในปี 67 จะดำเนินการขยายตลาดแรงงานไทย อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในต่างประเทศ จำนวน 100,000 อัตรา ประกอบด้วย:

- ตลาดแรงงานเดิม : ที่มีความต้องการ “จ้างแรงงานเพิ่มขึ้น” ในตำแหน่งงานใหม่ อาทิ ประเทศสวีเดน ประเทศฟินแลนด์ ประเทศอิสราเอล ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน
- ตลาดแรงงาน “ประเทศใหม่ ๆ” ที่มีแนวโน้มความต้องการจ้างแรงงานไทย รวมทั้งการเจรจาเพื่อให้เกิดการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านแรงงานมุ่งประโยชน์สูงสุดต่อแรงงานไทย โดยเน้นไปที่กลุ่มแรงงานกึ่งฝีมือและทักษะฝีมือ:
- ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย: ตำแหน่งพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ดูแลผู้ป่วยและคนชรา
- ประเทศกาตาร์: แรงงานภาคก่อสร้าง ภาคบริการเกี่ยวกับท่าอากาศยานและรถไฟ ภาคการท่องเที่ยวและสุขภาพ และภาคการขนส่ง
- ประเทศจอร์แดน: แรงงานภาคเกษตร
- ประเทศนิวซีแลนด์: แรงงานทักษะฝีมือภาคบริการ ภาคเกษตร และแรงงานที่มีทักษะ ความรู้ ความชำนาญ เฉพาะสาขาที่ขาดแคลน: สถาปนิก
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย
ทันตแพทย์ และพยาบาลวิชาชีพ - ประเทศโปรตุเกส: แรงงานเกษตรกรรมและงานร้านอาหาร
- ประเทศออสเตรเลีย: พ่อครัวคนไทยที่มี “ประกาศนียบัตร” จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
ระยะต่อไป กระทรวงแรงงานจะเร่งหารือร่วมกับหลายฝ่าย ทั้งนายจ้างในต่างประเทศ ประเทศปลายทาง ภาคเอกชนในประเทศไทย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ
ทั้งนี้ หากส่งแรงงานไทยทำงานต่างประเทศได้ 100,000 คน นอกจากช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยทั้งหมดให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ 100,000 ครอบครัวของแรงงานมีโอกาสยกระดับคุณภาพชีวิตตามไปด้วย
ประชาชนที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
- สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด
- สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10
- สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน