‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวอเมริกัน แห่งเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway Inc) ได้สร้างตำนานบทใหม่ในวัย 90 ปี ในฐานะนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ด้วยปี 2563 ราคาหุ้นของ Apple พุ่งขึ้นถึง 42% ทำสถิติสูงสุดในตลาดหุ้นสหรัฐ ทำให้มูลค่าตลาดของ Apple ทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ถ้าเทียบกับงบประมาณไทย มีมูลค่ามากกว่าถึง 20 เท่า ทำกำไรให้บัฟเฟตต์กว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ใน 4 ปี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นลูกชายคนกลางของโบรคเกอร์ซื้อขายหุ้น เกิดเมื่อ 30 สิงหาคม ปี 2473 ที่เมืองโอฮามา รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา บัฟเฟตต์เรียนมัธยมปลายที่โรงเรียน Woodrow Wilson ที่วอชิงตันดีซี เข้าเรียนธุรกิจที่ The University of Pennsylvania 2 ปีก็ย้ายไปศึกษาต่อที่ The University of Nebraska จนจบ และสามารถจบปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ที่ Columbia University ในปี 2494
บัฟเฟตต์มีความสนใจในเรื่องธุรกิจและการลงทุนตั้งแต่เด็ก เขาลงทุนซื้อหุ้นตัวแรกเมื่อตอนอายุ 11 ปี ในราคาหุ้นละ 38 ดอลลาร์สหรัฐ ช่วงประมาณปี 2503 เขาเริ่มซื้อหุ้น Berkshire Hathaway และทยอยซื้อจนได้ครอบครองกิจการในปี 2508 และในปี 2512 บัฟเฟตต์ ใช้ Berkshire Hathaway ซื้อหุ้นในกิจการต่าง ๆ
บัฟเฟตต์ ประสบความสำเร็จในการลงทุนด้วยแนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เป็นปรัชญาการลงทุนที่ถูกเขียนขึ้นโดย ‘เบนจามิน เกรแฮม’ ซึ่งถือว่าเป็นไอดอลของเขา ทำให้ในปี 2551 บัฟเฟตต์ขึ้นเป็นอันดับ 1 มหาเศรษฐีมั่งคั่งที่สุดในโลก
Berkshire Hathaway ทยอยซื้อหุ้น Apple ตั้งแต่ 2559-2561 จำนวนล่าสุดที่ 245 ล้านหุ้น และในปี 2563 ราคาหุ้นของ Apple ก็พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดหุ้นละ 425 ดอลลาร์ หรือราว 1.3 หมื่นบาท สร้างกำไรมหาศาลให้บัฟเฟตต์ได้ใน 4 ปี เท่านั้น บรรดากูรูต่างยกย่องความสำเร็จครั้งนี้ ว่าเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์การลงทุน