“พุทธิพงษ์” คุย 4 ฝ่าย “สหภาพแรงงาน-CAT-TOT” รวมองค์กร เน้นพัฒนาคน-ลดหนี้ สร้างประสิทธิภาพ มอง ไม่มีเหตุผลที่รัฐวิสาหกิจต้องแข่งกันเอง ย้ำยิ่งรวมได้เร็วยิ่งพัฒนาเร็ว แต่ต้องคำนึงถึงทักษะของบุคลากรด้วย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติแผนการฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ ตามมติของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โดยจะมีการควบรวม บมจ.ทีโอที (TOT) และบมจ.กสท โทรคมนาคม (CAT) เข้าไว้ด้วยกันเป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ระบุว่า กรณีนี้เบื้องต้นได้เน้นที่ 3 แผนหลัก โดยในส่วนแรก คือ ส่วนของบุคลากรซึ่งจะต้องมีแผนรับรองที่ชัดเจน เมื่อควบรวมแล้วจะนำบุคลากรในส่วนต่าง ๆ ไปไว้ในแผนกใดบ้าง หรือหากมีการปลดเกษียณของพนักงานที่อายุครบกำหนดตามเกณฑ์อาจไม่มีการรับตำแหน่งนั้นเพิ่มเข้ามาทดแทนเพื่อลดในส่วนของพนักงานที่เกินความจำเป็น หรือแม้กระทั่งโครงการเกษียณก่อนกำหนด (เออรี่รีไทร์)
ขณะที่ส่วนที่ 2 คือ เรื่องของทรัพย์สินต่าง ๆ ของทั้ง 2 บริษัทที่จะต้องมีการพูดคุยกันว่าจะถูกโอนย้ายไปสู่ส่วนใดของรัฐวิสาหกิจใหม่ และส่วนสุดท้าย คือ สัญญาต่าง ๆ ที่ได้มีการเซ็นและทำข้อตกลงร่วมกันไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งได้มีการทำเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อขอคำปรึกษา ซึ่งทางสำนักงานฯ ระบุว่า ไม่มีผลกระทบหากมีการควบรวมกิจการ
รมว.ดีอี มองว่า ทั้ง 2 บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเหมือนกันจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำให้รัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งแข่งขันกัน แต่หากสามารถสร้างความร่วมมือของทั้งสององค์กรเพื่อพัฒนาไปยังเป้าหมายเดียวกันจะทำให้เกิดประสิทธิภาพและผลประโยชน์ต่อประเทศชาติเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยได้มอบหมายให้คณะกรรมการร่วมระหว่างสหภาพแรงงาน และทั้ง 2 บริษัท พูดคุยและหาทางออกร่วมกันภายในระยะเวลา 45 วัน แล้วจึงนำแผนเข้าไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการควบรวมกิจการกันภายในระยะเวลา 6 เดือน
“ส่วนตัวมองว่าหากควบกิจการเร็วเท่าใดก็จะเกิดประโยชน์มากขึ้นเท่านั้นเพราะเราจะไม่รู้เลยว่าในอีก 1 ปีหรือ 2 ปีข้างหน้าจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆที่เข้ามาปฏิวัติวงการโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นหรือไม่ ดังนั้น หากเราเตรียมความพร้อมก่อนจะมีโอกาสพัฒนาก่อน”
ซึ่งที่ผ่านมามีหลายรัฐวิสาหกิจที่ปล่อยให้ระยะเวลาในการปรับปรุงองค์กรเลยมาเนิ่นนานจนทำให้ภาระหนี้สิน รวมถึงบุคลากรไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากควบรวมกิจการเร็วก็เกิดประโยชน์เร็ว” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
ขณะที่อีกส่วนหนึ่งที่ รมว.ดีอี เน้นย้ำคือการเพิ่มทักษะให้กับบุคลากรเดิมเพื่อให้สามารถที่จะไปทำงานในส่วนอื่นๆและส่วนที่จะเกิดขึ้นใหม่ภายใต้ชื่อรัฐวิสาหกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้น
