SENA โชว์ผลงาน 6 เดือนแรกปี 2562 กวาดรายได้กว่า 2.3 พันล้านบาท พร้อมประกาศลุยเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 9 โครงการ มูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท หลังประเมินทิศทางตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลังฟื้นตัวรับอนิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และ ธปท.ผ่อนปรนมาตรการ LTV
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทั้งแนวราบ และแนวสูง เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส2/2562 ที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ประกอบกับมาตรการการกำกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ หรือมาตรการLTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 2 ชะลอตัวจากไตรมาสแรก
จากปัจจัยดังกล่าว จึงส่งผลให้รายได้รวมงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 อยู่ที่ 2,342.35 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 17% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 279.1 ล้านบาท ลดลง 28.4 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/ 2562 อยู่ที่ 1,129 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 34.9% มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 119.4 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจโซลาร์ของบริษัทได้เติบโตแบบก้าวกระโดดหลายเท่าตัว โดยมีรายได้อยู่ที่ 58.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.6 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 1,793.5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเจรจาตกลงซื้อขายอุปกรณ์ พร้อมติดตั้ง สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) กับบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

“ธุรกิจโซลาร์ของเสนา เป็นปีที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากข้อตกลงกับพันธมิตรทางธุรกิจในการเข้าขายอุปกรณ์ และให้บริการติดตั้ง จากความชำนาญของบริษัทเสนาฯ ประกอบกับทิศทางการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการที่เห็นความสำคัญในการบริหารจัดการด้านพลังงานให้มีต้นทุนต่ำลง จึงเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าไปขายอุปกรณ์และรับติดตั้ง รวมถึงการให้บริการด้านบำรุงรักษาอีกทางหนึ่งด้วย ขณะที่รัฐบาล ยังคงเร่งให้การส่งเสริมด้านการอนุรักษ์พลังงาน โดยการเปิดให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตั้ง โซลาร์รูฟท็อป และสามารถขายไฟฟ้าเข้าระบบ ตามโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ส่งผลให้ตลาดโซลาร์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และผลกระทบจากมาตรการ LTV รวมถึงสถานการณ์ที่ผู้รับเหมาก่อสร้างยังมีไม่เพียงพอ เนื่องจากมีการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนมาตรการ ทำให้บริษัทปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ โดยเลื่อนการเปิดโครงการใหม่จากไตรมาส 2 ไปเปิดในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ในปี 2562 โดยครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดโครงการใหม่ 9 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนบราบ 4 โครงการ และแนวสูง 5 โครงการ รวมมูลค่า 12,000 ล้านบาท
โดยในปีนี้บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 12,583 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งจะเป็นการทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2562 ประมาณ 4,582 ล้านบาท และทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2564 ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส3 และไตรมาส4 ของปีนี้ ประเมินว่ามีทิศทางปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก ผลจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งมาตรการด้านการท่องเที่ยว การประกันราคาสินค้าเกษตร และการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่ส่งผลให้เกิดกำลังซื้อภายในประเทศอีกครั้ง ตลอดจนการเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และเกิดการจ้างงานในระบบมากขึ้น นอกจากนี้ทางธปท.ยังได้ผ่อนปรนมาตรการ LTV เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้กู้ร่วมที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยให้ได้รับสินเชื่อตามความเหมาะสมมากขึ้น ส่วนนี้จะเข้ามาช่วยผลกระทบจากมาตรการLTV ได้ระดับหนึ่ง 8