สภาฯล่ม “วันนอร์” สั่งปิดประชุมฯ หลังก้าวไกลขอสภาฯทบทวนโหวตชื่อ “พิธา” ซ้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมรัฐสภาในวันนี้ (4ส.ค.) ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงโดยมีกำหนดจะพิจารณาถึงวาระแก้ไข มาตรา 272 ปิดสวิตช์ สว.โหวตนายกฯ โดยการประชุมดังกล่าวได้นัดหมายให้เริ่มเวลา 09.30 น. แต่เมื่อถึงเวลาแล้วไม่สามารถเปิดประชุมได้ เนื่องจากมี สมาชิกรัฐสภาร่วมลงชื่อประชุม เพียง 239 คน จากสมาชิกรัฐสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 747 คน

เมื่อเริ่มการประชุมฯที่ประชุมใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการถกเถียงเรื่องญัตติ เนื่องจากรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล เสนอญัตติทบทวนมติรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 กรณีรัฐสภาไม่ให้เสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซ้ำในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จนเกิดข้อถกเถียงกันเกิดขึ้นและไม่สามารถหาข้อยุติได้
ขณะที่ฝั่ง สว. โดยนายสมชาย แสวงการ สว. เสนอญัตติคัดค้านการทบทวนมติรัฐสภา เมื่อ 19 กรกฏาคม เนื่องจากถือว่าเป็นการประชุมและลงมติโดยชอบแล้ว
สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ทำให้ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะประธานรัฐสภาใช้อำนาจตามข้อบังคับที่ 22 สั่งให้เลื่อนประชุมออกไปก่อน พร้อมสั่งปิดการประชุมในวันนี้ทันที
“อนุทิน” ชี้แก้รธน.ปิดสวิตซ์ สว.ใช้เวลานาน อาจไม่เหมาะสมเล่นเกมสภาฯ
อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึง การร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ประเด็นปิดสวิตซ์ส.ว.ของพรรคก้าวไกลว่า มาตราดังกล่าวจะจบไปเอง เพราะการแก้ไขกว่าจะเสร็จสิ้น ก็ใกล้วันที่ สว. หมดอำนาจในการโหวตเลือกนายกฯ และมองว่าหากจะมีการแก้ไข ต้องมีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ขึ้นมา เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพราะ ส.ส.ร. จะเป็นตัวแทนของประชาชน

ส่วนที่สว.มองว่าควรทำประชาพิจารณ์ก่อนนั้นการร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมก็เป็นสิ่งที่สมควรทำ สสร. ที่ผ่านการเลือกตั้งมาก็เป็นตัวแทนของประชาชน
ส่วนที่มองว่าพรรคก้าวไกล ต้องการแก้ไขเนื่องจากคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือนนั้น เป็นความคิดของพรรคก้าวไกลที่นำเสนอ แต่ต้องดูว่าการแก้ไขจะต้องมีหลายส่วน ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มี และพรรคภูมิใจไทย เห็นด้วยหากให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยมี ส.ส.ร. ที่เป็นตัวแทนของประชาชน ที่ต้องผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชน
เมื่อถามถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยในการโหวต นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูในรายละเอียด แต่ก็คงไม่เห็นชอบให้มีการแก้ไข เพราะจะทำให้เวลาการทำงานของสภาต้องเสียเวลา ต่อให้มีการแก้ไขและมีผลบังคับใช้ของรัฐธรรมนูญ ก็ใกล้ๆช่วงเดือนพ.ค.2567แล้วซึ่งใกล้ที่บทเฉพาะการจะหมดระยะเวลาบังคับใช้แล้ว
“2.ป” ประยุทธ์ – อนุพงษ์ ลงพื้นที่ นราธิวาส ตรวจราชการ สถานการณ์โกดังพลุระเบิด
วันนี้ (4ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจราชการ ติดตามสถานการณ์เหตุโกดังพลุระเบิด โกดังเก็บดอกไม้ ที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมกับตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าจะลงพื้นที่ไปดูหน้างาน และได้รับรายงานมาตลอดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเยียวยาและฟื้นฟู รวมถึงการดำรงชีวิตอยู่ของประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ทำงานกันอย่างแข็งขัน ดังนั้นวันนี้ตนจึงจำเป็นต้องลงไปดูด้วยตัวเอง เพราะที่ผ่านมามีภารกิจอยู่หลายประการ
จึงมอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ และหลายคนได้ลงไปดูหน้างานและส่งรายงานมาให้ทราบ โดยการลงพื้นที่วันนี้จะลงไปดู 2 อย่างด้วยกัน คือ จะเยียวยาได้อย่างไร โดยเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งมีงบในส่วนของราชการแล้วส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นงบกองทุนบริจาค
โดยสำนักนายกรัฐมนตรีกำลังประชุมให้มีการปรับแก้ ว่าจะสามารถเพิ่มเติมตรงไหนได้บ้าง ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับประชาชนและที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ก็จะต้องดูแลในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ตนขอแสดงความเสียใจกับผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมยืนยันว่างบประมาณต่างๆเรามีอยู่แล้ว ตามระเบียบ และก็จะมีการเพิ่มเติมให้ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา
ภารกิจการตรวจเยี่ยมของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ จุดแรกจะเดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุโกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด ที่ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก เพื่อตรวจดูสถานการณ์ และติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านผู้ที่ได้รับความเสียหาย จากนั้นจะไปเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมกับมอบเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่โรงเรียนบ้านมูโนะ ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก และไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 12.45 น.
“เพื่อไทย” จับตาปฏิบัติการ ล้มนิด ชุบชีวิตใคร ถามทำไม “ชูวิทย์” จ้องล้ม “เศรษฐา”
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดข้อมูลอ้าง เศรษฐา ทวีสิน ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี ว่าชูวิทย์ จะตรวจสอบเรื่องอะไรก็เป็นสิทธิ แต่เท่าที่จำได้ชูวิทย์ แหย่เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่ลงมือเปิดข้อมูล มาเลือกลงมือในจังหวะเวลานาทีสำคัญก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

อนุสรณ์กล่าวว่าเศรษฐา ชื่อเล่นชื่อนิด ปฏิบัติการนี้หวังล้มเศรษฐา เพื่อชุบชีวิตคนที่หมดโอกาสไปแล้ว ให้ฟื้นคืนชีพกลับสู่เส้นทางลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเศรษฐา มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใดๆ ตามที่กล่าวอ้าง ถ้าชูวิทย์ ติดใจสงสัยในกรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ที่กรมสรรพากร
คำถามคือถ้าทำกันจนการโหวตนายเศรษฐา มีปัญหา ใครคือผู้ได้ประโยชน์ เพราะอาชญากร ย่อมได้ประโยชน์จากอาชญากรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ความพยายามในการดิสเครดิตแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นไปเพื่อเปิดทางไปสู่ปฏิบัติการ
“ธรรมนัส” ปัดยก ส.ส. พปชร.ร่วมโหวตนายกฯให้ “เพื่อไทย”
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีสื่อนำเสนอข่าวในทำนองว่า มีดีลลับปฎิบัติการลอยแพพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุชื่อตนเองจะนำ สส.ในกลุ่มไปโหวตนายกรัฐมนตรีที่เป็นแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เพื่อหวังร่วมจับขั้วรัฐบาลนั้น ตนเองขอปฎิเสธกระแสข่าวดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง

ขอยืนยันอีกครั้งว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยเชิญตนเองและคณะไปหารือเพื่อร่วมหาทางออกประเทศ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2566 จนถึงขณะนี้ ตนเองยังไม่ได้รับการติดต่อหรือประสานงานจากตัวแทนพรรคเพื่อไทย ในเรื่องร่วมจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่มีดีลลับอะไรทั้งนั้น