สิงห์ เอสเตท เตรียมนำ เอสเอสอาร์ บริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในสิ้นปี 62 หวังดันเป็นบริษัทจัดการโรงแรมในเครือโดยตรง
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S นำโดยนางสาวฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และนาวสาวเมษ์สินี รัตนวิจารณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ เข้าชี้แจงผลดำเนินงานไตรมาส 2/62 ในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
นางสาวฐิติมา กล่าวว่า ธุรกิจทั้งหมดของบริษัทฯ ยังมีด้วยกันอยู่ 3 ประเภทได้แก่ธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารพาณิชย์ และธุรกิจที่พักอาศัย
ภาพรวมของธุรกิจโรงแรม ณ วันที่ 30 มิ.ย.62 บริษัทฯ มีสัดส่วนสินทรัพย์ทั้งสิ้น 62,000 ล้านบาท ซึ่งมีโรงแรมทั้งหมด 39 แห่ง หรือคิดเป็นจำนวน 4,647 ห้อง โดยมี เอสเอสอาร์ ที่เป็นบริษัทย่อยทำหน้าที่ดูและธุรกิจโรงแรมโดยตรง
ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนนำบริษัท เอสเอสอาร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยได้มีการยื่นเรื่องแสดงเจตจำนงขอเพิ่มทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในการทำธุรกิจโรงแรมทั้งหมดในเครือบริษัทขณะนี้ กลต.ได้มีการพิจารณาเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
คาดว่าจะเริ่มทำโรดโชว์ได้ในช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ และจะสามารถนำเอสเอสอาร์ เข้าจดทะเบียนใน ตลท.ได้ก่อนสิ้นปี 62 โดยจะเป็นการเสนอขายหุ้นใหม่เป็นส่วนใหญ่ แต่ทางสิงห์เอสเตท ยังคงสถานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเอสเอสอาร์ ในอัตราส่วน 60% หลังจากมีการเพิ่มทุน IPO แล้ว นอกจากนี้จะมีการเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นของสิงห์เอสเตทด้วยในสัดส่วน 5%
นอกจากนี้ แผนธุรกิจของสายงานโรงแรม ยังจะมีการพัฒนาโครงการครอสโรด ที่มัลดีฟส์ ซึ่งบริษัทฯ ได้สัญญาเช่าระยะยาวในการพัฒนาโครงการที่มัลดีฟส์ด้วยกันทั้งหมดจำนวน 9 เกาะ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเติบโตด้านรายได้ให้กับธุรกิจโรงแรมของบริษัทฯ ได้อีกด้วย
ขณะที่ ธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงาน ปัจจุบันบริษัทฯมีอาคารให้เช่าทั้งสิ้น 3 อาคาร ประกอบด้วย อาคารซันทาวเวอร์ อาคารไรท์เฮาส์ และอาคารสิงห์คอมเพล็ก โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 127,000 ตร.ม. และยังอยู่ในช่วงพัฒนาโครงการ OASIS บนถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ากว่า 53,500 ตร.ม. คาดก่อสร้างเสร็จปี 64 และจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 65 ซึ่งจะทำให้พื้นที่เช่าของบริษัทฯเพิ่มเป็น 180,000 ตร.ม.
ส่วนภาพนวมธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง โครงการ เอส แอท สิงห์คอมเพล็ก คาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในเดือน ก.ย.นี้ ไปจนถึงปลายไตรมาส 4/62 ซึ่งขณะนี้สามารถทำยอดพรีเซลล์กว่า 92% ส่วน 8% ที่เหลือจะนำออกมาขายภายหลังจากล็อตแรก
ด้าน นาวสาวเมษ์สินี กล่าวทิ้งว่า อาคารสิงห์คอมเพล็ก ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทางเชื่อม MRT เพชรบุรี โดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 5 เดือน ซึ่งจะช่วยสร้างทราฟฟิคให้อาคารได้อีกอย่างมาก
ส่วนธุรกิจที่พักอาศัย ปัจจุบันมีด้วยกัน 5 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 24,000 ล้านบาท
โครงการดิเอส อโศก ปัจจุบัน สามารถโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 56%, โครงการดิเอส แอทสิงห์คอมเพล็ก มูลค่า 4.3 พันล้านบาท สามารถขายไปได้แล้ว 92% ซึ่งโครงการนี้ได้มีการให้ลูกค้าวางดาวน์จำนวน 20% ของราคาทั้งหมด นับเป็นอัตราที่สูงทำให้ยอดการโอนสามารถมั่นใจได้ว่าจะราบรื่น
โครงการดิเอส สุขุมวิท 36 ขายได้แล้ว 60% คาดจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ไตรมาส 3 ปี 63 และโครงการอีส สุขุมวิท 43 ขายได้แล้ว 45% คาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทั้งหมดในช่วงปลาปี 63 และโครงการบ้านเดี่ยวสันติบุรีฯ จะสามารถรับรู้รายได้ต่อเมื่อมีการโอนที่ดินออกไป และเริ่มก่อสร้างบ้าน
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกของปี บริษัทฯ มีรายได้ 5,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 158% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการอย่างต่อเนื่อง และครึ่งปีแรกมีผลการดำเนินงานของเอาท์ริกเกอร์ที่ซื้อเข้ามารวมกันด้วย
ราคาหุ้น S ก่อนปิดซื้อขายวันที่ 2 ก.ย.62 อยู่ที่ 3.40 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 1 ก.ย.62 ที่ 3.38 บาท/หุ้น (+0.59%)