ฟิตบิท ประกาศเปิดตัว “Fitbit Versa 2” ต่อยอดไลน์สินค้าสมาร์ทวอทช์ตระกูล Fitbit Versa พร้อมทั้งเปิดตัว Fitbit Premium บริการสมาชิกแบบชำระเงินผ่านทางแอปพลิเคชันของฟิตบิท เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับข้อมูลเชิงลึกผ่านโปรแกรมเฉพาะบุคคลด้วยคำแนะนำด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย แบบครบวงจรเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับคำแนะนำที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงเพื่อถึงเป้าหมายด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย
นายหลุยส์ ลายย์ ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Fitbit ระบุว่า เป้าหมายของ Fitbit คือการที่ต้องการให้ทุกคนบนโลกนี้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และไม่ควรมีใครที่จะถูกกีดกันจากสุขภาพที่ดี ซึ่งเราเข้าใจดีว่าการมีสุขภาพดีไม่ได้เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย ซึ่งหลายคนมักประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเวลาและการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ Fitbit ตั้งใจที่จะทำให้ผู้คนที่มีสุขภาพดีเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นการนอนในแต่ละวันหรือแม้กระทั่งการออกกำลังกายในแต่ละวัน จากข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด 27 ล้านคน พบว่าร้อยละ 73 สามารถที่จะลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในนาฬิกาอัจฉริยะ ขณะที่การนอนในแต่ละคืนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 10 นาทีจากผู้คนที่ใช้นาฬิกาอัจฉริยะของเราทั่วโลก นอกเหนือจากนี้พบว่าร้อยละ 10 สองผู้คนสามารถที่จะมีโอกาสลดน้ำหนักได้มากขึ้นเมื่อนอนครบ 7 ชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ส่วนตัวมองว่านาฬิกาอัจฉริยะของเราสามารถที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้ได้
นอกเหนือจากนี้ข้อมูลที่เราสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกจากผู้ใช้งานรวมกันได้ถึง 22,800 ล้านชั่วโมง การก้าวเท้าของผู้ใช้รวมกัน 202 ล้านล้านก้าว เวลาในการนอนรวมกัน 10,500 ล้านชั่วโมง เวลาในการออกกำลังกาย 517 ล้านล้านนาที ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่สามารถเก็บได้จากผู้ใช้จะนำมาวิเคราะห์และพัฒนาให้ตอบโจทย์ของผู้ใช้งานในแต่ละคนรวมถึงใช้ในการคำนวณที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น และสาเหตุที่ทำให้เราสามารถที่จะเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากขนาดนี้เนื่องจากว่าเรามีการพัฒนาและเพิ่ม นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่และนำเสนอให้กับตลาดอยู่ตลอดเวลา

สำหรับบริการ Fitbit Premium ซึ่งใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ฟิตบิทรวบรวมมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี รวมถึงความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาการและการแพทย์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ได้ขยับร่างกายมากขึ้น นอนหลับสนิทขึ้น และมีโภชนาการที่ดีผ่านโปรแกรมที่เป็นส่วนตัวด้วยฟีเจอร์ประเมินข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคล การประเมินด้านการนอนขั้นสูง รายงานด้านสุขภาพ และแนวทางการออกกำลังกายกว่าพันรายการ ทั้งหมดนี้ถูกรวบรวมอยู่ในที่เดียว โดยในการเปิดตัวนี้ได้รวบรวมคำแนะแนวแบบครบวงจรสำหรับไลฟ์สไตล์สุดเฮลตี้ อาทิ แนวทางการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ การสร้างนิสัยสำหรับการนอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ การเพิ่มความแอคทีฟ แนะแนวฝึกฝนการวิ่ง การนับแคลอรี่ แนะแนวสำหรับลดการบริโภคน้ำตาลและเกลือ พร้อมทั้งโปรแกรมอีกมากมาย อาทิ การโค้ชที่นำไปทำตามได้จริง ข้อแนะนำประจำวัน การออกแบบการออกกำลังกาย เครื่องมือในการพักผ่อน คู่มือปรุงอาหาร และข้อมูลให้ความรู้อีกมากมาย ที่ไม่ว่าผู้ใช้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมือใหม่ในเรื่องการดูแลสุขภาพ Fitbit Premium ก็สามารถไปถึงเป้าหมายได้ โดยจะให้บริการในราคาสมาชิกที่ 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาทต่อปี และยิ่งไปกว่านั้นฟิตบิทยังวางแผนเตรียมข้อเสนอมากมาย รวมไปถึงการพัฒนาฟีเจอร์นวัตกรรมบริการ Premium อย่างไม่หยุดยั้งตามคำแนะนำของผู้ใช้งาน ซึ่งโปรแกรมนี้เนื่องจากว่ายังเป็นการเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกทำให้ข้อมูลต่างๆยังคงเป็นภาษาอังกฤษอยู่และจะมีการแปลมาเป็นภาษาไทยในอนาคต

“เป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพฯมีปัญหาเรื่องมลภาวะเช่นเดียวกับสิงคโปร์ดังนั้นการเข้ามา Fitbit Premium นี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถที่จะออกกำลังกายได้ที่บ้านร่วมถึงจะมีการเลือกวีดีโอที่เหมาะสมกับสุขภาพของแต่ละคนในการออกกำลังกายและสามารถที่จะทำให้ผู้ใช้ลดน้ำหนักและมีสุขภาพที่ดีได้มากยิ่งขึ้น โดยในอนาคตจะมีเรื่องของภารกิจในการออกกำลังกายในแต่ละวัน ซึ่งจะมาในรูปแบบการท้าทาย(Challenge)และรูปแบบเกมเพื่อที่จะทำให้ผู้คนมีความรู้สึกว่าต้องออกกำลังกายเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้ในเร็วๆนี้ รวมถึงรายงานในด้านสุขภาพ และ โค้ชที่แนะนำการออกกำลังกายผ่านทางแอปพลิเคชัน Fitbit Premium” นายหลุยส์ ลายย์ กล่าว
ขณะเดียวกันนอกเหนือจากการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพแล้วการนอนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ สุขภาพของผู้ใช้ดีขึ้น ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะดูคะแนนการนอนในแต่ละวันได้ผ่าน Fitbit ซึ่งในแอปพลิเคชันของเรา จะมีการระบุว่าในแต่ละวันควรจะนอนกี่ชั่วโมงและมีการแนะนำเมนูอาหารเวลาในการนอนรวมถึงเนื้อหาด้านสุขภาพในแอปพลิเคชันเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูก ปรับแต่งให้เข้ากับตัวผู้ใช้มากยิ่งขึ้นดังนั้นข้อมูลด้านสุขภาพของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกันและคำแนะนำใน แอปพลิเคขันก็จะแตกต่างกัน

การนอนสำคัญต่อสุขภาพอย่างไร ?
นายหลุยส์ ลายย์ ระบุว่า สิ่งที่เราพบคือ 1 ใน 3 ของผู้คนทั่วโลกนอนไม่เพียงพอในแต่ละวัน ผู้คนที่ใช้นาฬิกาอัจฉริยะของเราร้อยละ 35 มีการนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน ขณะเดียวกันจากผลวิจัยพบว่าผู้ที่นอนอย่างเพียงพอเฉลี่ย 8 ถึง 7 ชั่วโมงต่อวันจะมีสุขภาพที่ดีมากกว่าคนที่นอนน้อยหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว สำหรับคะแนนที่มีการให้กับผู้ใช้ในแอปพลิเคชันคือ 50 คะแนนแรกจะเป็นคะแนนเวลาในการนอน ขณะเดียวกันยังมีการวัดด้วยว่าการนอนครั้งนั้นเป็นการหลับลึกหรือไม่ซึ่งหากการหลับลึกถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่แต่ในขณะเดียวกันการนอนมากเกินไปก็มีผลต่อสุขภาพเช่นกัน
ในอนาคตจะมีระบบที่เรียกว่าการตั้งเวลาปลุกอัจฉริยะโดยนาฬิกาจะทำการคำนวณข้อมูลทางสุขภาพของผู้ใช้และตั้งเวลาปลุกที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้ โดยหากผู้ใช้ไม่ต้องการตื่นในเวลาดังกล่าวก็สามารถที่จะปิดและนาฬิกาจะปลุกอีกครั้งหนึ่งในอีก 30 นาทีต่อมาเพื่อให้ผู้ใช้ตื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากนาฬิกาอัจฉริยะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าผู้ใช้กำลังหลับลึกอยู่ก็จะไม่ปลุกในช่วงเวลานั้นเพราะจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหนื่อยล้าขณะตื่น ฟีเจอร์ใหม่ของฟิตบิทเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจพฤติกรรมการนอนของตนเอง แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขหรือพัฒนาการนอนให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เพื่อช่วยพัฒนาพฤติกรรมการนอนซึ่งเป็นรากฐานของสุขภาพที่ดี Fitbit Versa 2 ได้เพิ่มฟังค์ชันสุดอินโนเวทีฟ ที่ออกแบบมาเพื่อติดตามการนอน อาทิ Sleep Score และ Smart Wake เพิ่มเติมด้วยดีไซน์เสริมสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร พร้อมด้วยไมโครโฟนในตัวเครื่อง และ Fitbit Pay ในทุกๆ รุ่น สามารถเชื่อมโยงกับแอปพลิชันแห่งเสียงเพลงอย่าง Spotify ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานผ่านตัวเครื่อง พร้อมฟังเพลงและพอร์ดแคสเพื่อสร้างแรงจูงใจได้ตลอดเวลาอย่างไม่มีสะดุด
อุปกรณ์แวร์เอเบิล Versa 2 เริ่มวางจำหน่ายในเดือนกันยายนนี้ ที่ตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าชั้นนำ อาทิ B2S, Dotlife, Jaymart, King Power, Lazada, Power Buy, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศูนย์การค้าโรบินสัน และศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ทุกสาขา พร้อมกับการทำงานที่เร็วขึ้น หน้าจอการแสดงสีที่ดีขึ้น แอปพลิเคชันและหน้าปัดนาฬิกากว่า 3,000 รายการ และตัวเลือกสำหรับเปิดหน้าจอในระบบ always-on พร้อม battery life มากกว่า 6 วัน ตอกย้ำถึงการเป็นสมาร์ทวอทช์สุดพรีเมียมเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วโลกที่พร้อมดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ตลอด 24 ชั่วโมง
Versa 2 มาใน สี Black กรอบคาร์บอน สี Petal กรอบอลูมิเนียมสี Copper Rose และสี Stone กรอบสี Mist Grey โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 7,990 บาท อุปกรณ์เสริมมีราคาตั้งแต่ 960 บาท ถึง 3,200 บาท และ Versa 2 Special Edition สี Navy และ Pink กรอบอลูมิเนียมสี Copper Rose และสี Smoke กรอบสี Mist Grey ราคา 8,990 บาท
