Gen Z คือคนที่เกิดระหว่างปี 2538-2553 ซึ่งปัจจุบันอายุ 9- 24 ปี และถือเป็นเจนแรกที่มีเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตพร้อมพรั่งตั้งแต่ยังเด็ก จนบางครั้งถูกขนานนามว่า “คนดิจิทัล” ตัวจริง
มีการคำนวณว่าคนเจนนี้ มีสัดส่วนถึง 32% ของประชากร 7,700 ล้านคนในโลก อันหมายความถึงจำนวนที่มากกว่าคนยุคมิลเลนเนียล ที่มีสัดส่วน 31.5% ของประชากรโลก
กำลังซื้อของคนเจนนี้ไม่ธรรมดา เพราะประเมินว่ามีมากถึง 29,000-143,000 ล้านดอลลาร์ แถมยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อการใช้จ่ายของคนในครอบครัว
การศึกษาเมื่อปี 2561 ของ Dell Technologies พบว่าแม้คนเจนนี้ต้องการความมั่นคงด้านงานและแรงจูงใจทางการเงิน แต่ไม่ค่อยสนใจที่จะไต่เต้าในหน้าที่การงาน แถมยังมองถึงปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับเงินทองจากองค์กรของตัวเองด้วย โดย 45% อยากทำงานกับองค์กรในแบบที่มีความหมายและเป้าหมายมากกว่าแค่รอรับเงินไปเดือนๆ
38% ของ Gen Z ยังต้องการทำงานในองค์กรที่มีความรับผิดชอบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยในเอเชียอาคเนย์นั้น เจน Z ในฟิลิปปินส์อยากทำงานกับองค์กรที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด (53%) ตามด้วยเจน Z ในมาเลเซีย (47%), เวียดนาม (43%) และสิงคโปร์ (40%)
นอกจากนั้น Gen Z หลายคนยังมีความปรารถนาคล้ายคลึงกัน นั่นคือสร้างผลกระทบแง่บวกต่อโลก
เมื่อเป็นเช่นนี้การเดินทางท่องเที่ยวของ Gen Z จึงไม่ธรรมดาและแคร์ต่อสิ่งแวดล้อมมาก เพราะทั้งชีวิต ได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาตลอด ดังนั้น พวกเขาจึงสนใจทริปที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, โรงแรมที่นำเสนอบริการอย่างยั่งยืน, มีส่วนร่วมในการทำสิ่งดีๆ แก่ชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงจิตอาสา
จึงไม่น่าประหลาดใจที่นักเดินทาง Gen Z จะมองหาแบรนด์ที่มีเป้าหมายเดียวกับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นความยั่งยืน เพื่อสิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพของสัตว์
แม้จะไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและคอยคำนึงถึงงบประมาณ แต่ Gen Z พร้อมควักกระเป๋าไปกับประสบการณ์เดินทางที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้สัมผัสหรือลิ้มลองวิถีชีวิตแบบคนท้องถิ่น ไม่ใช่แบบนักท่องเที่ยว
นอกจากนั้น คนเจน Z ยังถูกเรียกขานว่า “flashpacking” หรือพวก backpack ที่ภายในเป้เต็มไปด้วยอุปกรณ์ดิจิทัล และเลือกพักในห้องส่วนตัวที่มีเครื่องปรับอากาศ รวมถึงกินอาหารตามร้าน แตกต่างจากพวกแบกเป้ท่องเที่ยวสมัยก่อน
คน Gen Z ชื่อดังที่ผลักดันประเด็นสิ่งแวดล้อม คงไม่พ้น Greta Thunberg วัย 16 ปีจากสวีเดน นอกจากนั้น ยังมี Autumn Peltier วัย 15 ปี ซึ่งใช้เวลาครึ่งชีวิต สร้างความตระหนักรู้ในประเด็นเรื่องน้ำในกลุ่มปฐมชาติซึ่งเป็นชนพื้นเมืองแคนาดา
Isra Hirsi วัย 16 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง US Youth Climate Strike เพื่อเคลื่อนไหวด้านภูมิอากาศทั่วโลก
ในฟากของเอเชีย ก็มี Marinel Ubaldo วัย 22 ปีจากฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นปากเป็นเสียงของกลุ่มชายขอบ โดยเคยเข้าร่วมการประชุมภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงของสหประชาชาติ และขึ้นพูดในการไต่สวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฟิลิปปินส์ เพื่อตรวจสอบความรับผิดชอบของภาคธุรกิจ ด้านภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง