ความใส่ใจในสุขภาพกำลังเป็นกระแสหลักที่คนทั้งโลกกำลังหันมาสนใจในเรื่องของการเลือกอาหารในการรับประทาน และนั่นคือโอกาสทางธุรกิจที่สามารถสร้างเศรษฐีหน้าใหม่ที่มีความมั่งคั่งกว่าแสนล้านบาทได้ภายในเวลาสิบปี ถึงเวลานี้คนรักสุขภาพทั่วโลกไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ Beyond Meat อย่างแน่นอน
สตาร์ทอัพด้าน Foodtech รายนี้ตั้งอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย มีผู้ก่อตั้งคือนาย อีธาน บราวน์ ช่วงเวลาที่เขาก่อตั้งบริษัทในช่วงแรกกระแสของการรักสุขภาพยังไม่ได้เกิดขึ้นในวงกว้างมากนักเป็นเพียงแค่กระแสเล็กๆของคนบางกลุ่มเท่านั้น แต่เขามองเห็นโอกาสที่จะเติบโตได้ในอนาคตจึงปลุกปั้นบริษัทแห่งนี้ขึ้นด้วยจำนวนพนักงานหลักสิบคน
หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของ Beyond Meat ก็คือการได้ผู้ร่วมลงทุนชุดแรกหรือ Angel Investors ที่ให้การสนับสนุนธุรกิจของเขาเป็นอย่างดี โดยคนดังทีลงเงินให้กับเขาคือ บิล เกตต์และลีโอนาโด ดิคาปริโอ ดาราฮอลลี่วูด ชื่อดัง รวมถึง Tyson Food ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของสหรัฐฯที่เวลาต่อมาได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
โปรดักต์หลักของบริษัทก็คือ “เนื้อปลอม” หรือพูดง่ายๆก็คือ เนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ทำมาจากสัตว์จริงๆแต่มาจาก “พืช” ที่สำคัญคือมันสามารถทานได้จริงและมีรสชาติใกล้เคียงกับเนื้อจริงๆอย่างมาก โดยผลิตภัณฑ์หลักคือเนื้อเสต็ก ไส้กรอกและเนื้อบด

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือว่าตอบโจทย์คนอเมริกันบางกลุ่ม (และมีโอกาสจะจับตลาดคนส่วนใหญ่ได้ในอนาคต) เพราะรู้กันว่าอาหารประเภทฟาสต์ฟูดส์โดยเฉพาะแฮมเบเกอร์ถือเป็นอาหารหลักที่คนอเมริกันทุกชนชั้นจะต้องทาน แลกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความเสี่ยงที่จะเป็น “โรคมะเร็ง” จากการรับประทานเนื้อแดงมากเกินไป
ในเมื่อรสชาติที่ออกมาสามารถตอบโจทย์คนรักเนื้อที่ต้องการดูแลสุขภาพ ประกอบกับกระแสของการทานอาหารแบบ Vegan หรืออาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เจือปนเริ่มมาแรงทำให้ Beyond Meat เติบโตอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ได้สำเร็จ
สิ่งที่ตอกย้ำความร้อนแรกของ Beyond Meat คือราคาหุ้นในวันที่เข้าจดทะเบียนวันแรก (IPO) ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 163% ในวันเดียว เป็นสถิติใหม่ของตลาดหุ้นสหรัฐฯในปีนี้ จากราคาจอง 25 เหรียญต่อหุ้น ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 72 เหรียญ จนสิ้นสุดวันที่ราคาปิด 65 เหรียญ มาร์เกตแคปของกิจการทะยานแตะ 120,000 ล้านบาทภายในวันเดียว
ล่าสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2562 ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 151 เหรียญ เท่ากับว่ามูลค่าบริษัทเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวภายในเวลาเพียงสามเดือนหลังจากไอพีโอ มาร์เกตแคปของ Beyond Meat แตะ 200,000 ล้านบาท มีรายได้รวม 88 ล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา
เจพีมอร์แกน วานิชธนกิจชื่อดัง ได้ออกมาประเมินว่าตลาดอาหารที่ทดแทนเนื้อสัตว์จริงจะมีมูลค่าแตะ 100,000 ล้านเหรียญภายใน 15 ปี ขณะที่ธนาคารบาร์เคลย์ คาดการว่าตลาดเนื้อสัตว์ทดแทนจะมีสัดส่วน 10% ของปริมาณอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์จริงๆภายใน 10 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม Beyond Meat ก็เหมือนกับบริษัทสตาร์ทอัพทั่วไปที่ผลประกอบการยังขาดทุน และถึงแม้ว่ากระแสรักสุขภาพจะยังมาแรงแต่ความท้าทายของบริษัทฯก็คือการขยายตลาดออกไปยังนอกสหรัฐอเมริกา รวมถึงองค์การอนามัยโลกยังจำกัดความให้เนื้อสัตว์ทดแทนอยู่ในข่ายของพืชประเภทตัดแต่งพันธุกรรมหรือ GMO ซึ่งบางประเทศยังไม่ให้การยอมรับ
ที่สำคัญคือราคาขายที่ยังสูงกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไปถึงสองเท่า เป็นความท้าทายที่ Beyond Meat จะต้องผ่านไปให้ได้
ข้อมูลเพิ่มเติม : Bloomberg
ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง:โพสรูปอาหารจนได้ดี