บล.กสิกรฯ คาดกองทุน SSF เปิดขายวันที่ 1 เม.ย.63 วันแรก หนุนหุ้นไทยรีบาวด์ระยะสั้น แต่ระยะกลางยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากยังต้องติดตามการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และการเจรจาลดกำลังผลิตน้ำมันดิบระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย
บล.กสิกรไทย
จำกัด (มหาชน)
หรือ KS เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นเริ่มเห็นปัจจัยบวก แต่ระยะกลางยังน่าเป็นห่วง โดยเมื่อวันที่ 31
มี.ค.63 จีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.63
ออกมาสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ 52.0 (คาด 45.0) ซึ่งฟื้นจากเดือนก่อหน้าที่ 35.7
บล.กสิกรฯ มองว่าภาพดังกล่าวเป็นผลจากประสิทธิภาพจากการควบคุม COVID-19 ที่รวดเร็ว และด้วยการสั่งปิดเมืองยุติการเดินทางเข้าออกเพื่อป้องกับการแพร่ระบาด ภายหลังจากทราบว่าโรคดังกล่าวสามารถติดจากคนสู่คนและเริ่มระบาดในอู่ฮั่นประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่งผลให้พนักงานส่วนใหญ่สามารถเดินทางกลับไปยังโรงงานได้เร็วกว่าคาด ภาพดังกล่าวสะท้อนผ่านตลาดหุ้นจีนที่ค่อนข้าง outperform ตลาดหุ้นอื่นๆสูงกว่า 10% ตั้งแต่ช่วงต้นปี
63
ขณะเดียวกัน บล.กสิกรฯ มองว่าประเทศอื่นกำลังใช้โมเดลจีนเป็นตัวอย่าง กล่าวคือยอมตัดสินใจปิดเมืองรับผลกระทบภาคบริการอย่างมากในระยะสั้นเพื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งบล.กสิกรฯมองว่า ณ ระดับปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับลงสะท้อนภาพดังกล่าวไปแล้ว จากนี้ประเมินว่าหุ้นจะกลับมาแกว่งรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและการเสริมสภาพคล่องจากธนาคารกลาง ประกอบกับการเจรจาของผู้นำสหรัฐและรัสเซียในการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันซึ่งส่งผลต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบ
นอกจากนี้ ในเดือนเม.ย.63 บล.กสิกรฯคาดเริ่มเห็นแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันอีกครั้งภายหลังก.ล.ต.อนุมัติกองทุน SSF มีผลในวันที่ 1 เม.ย. นี้ เป็นผลให้บล.กสิกรฯ
ประเมินว่าตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงการรีบาวน์ตอบรับปัจจัยบวกอ่อนๆดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ยังไม่แนะนำลงทุนเนื่องจากภาพใหญ่ยังมีความไม่ชัดเจนของเศรษฐกิจที่อาจทรุดหนักหากว่า COVID-19 ลากยาวถึงไตรมาส3/63 และสิ่งที่บล.กสิกรฯกังวลนั่นคือโอกาสการผิดชำระหนี้ของหลายบริษัททั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มสายการบินและพลังงาน
ล่าสุด Moody เริ่มปรับมุมมองหุ้นกู้ในสหรัฐลงเป็น ‘ลบ’ พร้อมระบุเศรษฐกิจมีความเสี่ยงเข้าสู่ recession ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่าหุ้นกู้เอกชนสหรัฐวงเงินสูงกว่า 7.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มีโอกาสถูกปรับลดอันดับ
ทั้งนี้ มุมมองตลาดหุ้นไทย คาดดัชนีหุ้นไทย (SET index) แกว่งตัวในกรอบ 1,095-1,140 จุด โดยระยะสั้นตลาดยังพอมีพื้นที่กรอบบนในการรีบาวด์จากความคาดหวังเม็ดเงิน SSF ที่จะเข้ามาตั้งแต่เดือนเม.ย.63 และการเจรจาสหรัฐ-รัสเซีย เรื่องเสถียรภาพน้ำมันดิบ อย่างไรก็ดีผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจยังยากที่จะประเมินจุดต่ำสุดจึงมองภาพใหญ่ยังมี downside
กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแนะรอดูผลของการLockdown หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำเก็งกำไรหุ้นประมาณ 20% ของพอร์ต ในกลุ่ม ICT และ โรงไฟฟ้า ซึ่งถือเป็น 2 กลุ่มที่เราคาดผลกระทบจำกัด หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มธนาคารจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และกลุ่มที่อิงกับสหรัฐ/ยุโรป
